เมื่อคุณซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด การตรวจรับถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การตรวจรับบ้านและการตรวจรับห้องคอนโดมีความแตกต่างในหลายแง่มุม ซึ่งจำเป็นต้องเข้าใจเพื่อให้มั่นใจว่าได้รับที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ และปราศจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจความแตกต่างระหว่างการตรวจคอนโดและการตรวจรับบ้าน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับขั้นตอนสำคัญนี้

ตรวจรับห้องคอนโด
1. พื้นที่ในการตรวจรับ

  • การตรวจรับคอนโด: การตรวจห้องคอนโดมักเน้นที่พื้นที่ภายในห้องชุดเท่านั้น เช่น พื้น, ผนัง, ประตู, หน้าต่าง, ระบบไฟฟ้า และประปา เนื่องจากโครงสร้างหลักและพื้นที่ส่วนกลางของอาคารจะเป็นหน้าที่ของนิติบุคคลหรือผู้จัดการอาคารที่จะดูแล ดังนั้นคุณควรตรวจสอบว่าภายในห้องชุดนั้นไม่มีปัญหาหรือข้อบกพร่องใดๆ เช่น รอยรั่ว รอยร้าว หรือการติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง
  • การตรวจรับบ้าน: การตรวจรับบ้านครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ทั้งภายในและภายนอกบ้าน เช่น สวน, โรงรถ, รั้ว และโครงสร้างต่างๆ การตรวจรับบ้านต้องละเอียดมากขึ้น เนื่องจากเจ้าของบ้านจะต้องรับผิดชอบทุกส่วนของบ้าน รวมถึงการบำรุงรักษาและการซ่อมแซมในอนาคต
  • คอนโด: มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จำกัดกว่าบ้าน จึงมีรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบน้อยกว่า แต่ก็ยังมีความสำคัญ เช่น การตรวจสอบผนัง พื้น เพดาน ห้องน้ำ ห้องครัว และระบบไฟฟ้า ประปา
  • บ้าน: มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใหญ่กว่า มีห้องต่างๆ มากมาย เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องซักรีด และยังมีพื้นที่ภายนอกอาคาร เช่น สวน ระเบียง ทำให้มีรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบมากกว่า เช่น โครงสร้างบ้าน หลังคา ระบบระบายน้ำ ฝ้าเพดาน

2. โครงสร้างและการก่อสร้าง

  • การตรวจรับคอนโด: เนื่องจากห้องคอนโดเป็นส่วนหนึ่งของอาคารขนาดใหญ่ ผู้ตรวจรับจะเน้นตรวจสอบความเรียบร้อยภายในห้องชุดเป็นหลัก เช่น การติดตั้งพื้น, ฝ้าเพดาน, สุขภัณฑ์, และการทาสี ส่วนโครงสร้างหลักของอาคาร เช่น คาน, เสา, และพื้นฐานอาคาร จะได้รับการดูแลโดยผู้พัฒนาโครงการหรือผู้บริหารอาคาร
  • การตรวจรับบ้าน: การตรวจรับบ้านจำเป็นต้องตรวจสอบโครงสร้างหลักทั้งหมด เช่น พื้น, หลังคา, กำแพง, และพื้นฐานบ้าน เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีปัญหาด้านโครงสร้าง เช่น รอยร้าวหรือการทรุดตัว

3. ระบบสาธารณูปโภคและการติดตั้ง

  • การตรวจคอนโด: ตรวจสอบระบบไฟฟ้า, ระบบประปา, และการติดตั้งเครื่องปรับอากาศหรือระบบระบายอากาศภายในห้องชุด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างทำงานได้ตามที่ควรและไม่มีปัญหาใดๆ เช่น ปลั๊กไฟที่ไม่ได้ติดตั้งอย่างเหมาะสม หรือท่อน้ำที่รั่วซึม
  • การตรวจบ้าน: นอกจากการตรวจสอบระบบภายในบ้านแล้ว เจ้าของบ้านยังต้องตรวจสอบระบบท่อน้ำภายนอก, ระบบระบายน้ำ, และระบบไฟฟ้าที่ครอบคลุมทั้งพื้นที่ภายในและภายนอกบ้าน
  • ระบบคอนโด: เนื่องจากเป็นอาคารชุด ระบบต่างๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา และส่วนกลาง จะมีการควบคุมและดูแลโดยนิติบุคคล ดังนั้นการตรวจสอบส่วนใหญ่จึงเน้นที่ภายในห้องชุด
  • ระบบบ้าน: มีระบบต่างๆ ที่เป็นอิสระ เช่น ระบบไฟฟ้า ประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย จำเป็นต้องตรวจสอบให้ละเอียดทุกระบบ รวมถึงระบบป้องกันอัคคีภัย

3. การตรวจสอบพื้นที่ส่วนกลาง

  • การตรวจรับคอนโด: พื้นที่ส่วนกลางของคอนโด เช่น สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ลิฟต์, และที่จอดรถ จะเป็นหน้าที่ของนิติบุคคลในการดูแล อย่างไรก็ตาม การตรวจห้องคอนโดควรพิจารณาความเรียบร้อยของพื้นที่ส่วนกลางที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ความสะอาด ความปลอดภัย และการใช้งานของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
  • การตรวจรับบ้าน: โดยทั่วไปบ้านเดี่ยวจะไม่มีพื้นที่ส่วนกลางที่ต้องตรวจสอบ นอกจากบ้านในโครงการหมู่บ้านที่มีพื้นที่ส่วนกลาง เช่น สวนสาธารณะ หรือคลับเฮ้าส์ ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ได้

3. จุดที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

  • ตรวจคอนโด: เน้นตรวจสอบความเรียบร้อยของพื้นผิว เช่น ผนัง พื้น เพดาน การรั่วซึมของน้ำ การทำงานของสุขภัณฑ์ และระบบไฟฟ้า
  • ตรวจบ้าน: นอกจากจะตรวจสอบความเรียบร้อยของพื้นผิวแล้ว ยังต้องตรวจสอบโครงสร้างของบ้าน เช่น เสา คาน พื้นฐาน หลังคา ระบบระบายน้ำ และระบบป้องกันอัคคีภัย

4. ข้อกำหนดในการตรวจรับ

  • คอนโด: มักจะมีเอกสารคู่มือการตรวจรับที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งจะมีรายละเอียดของจุดที่ต้องตรวจสอบอย่างชัดเจน
  • บ้าน: ข้อกำหนดในการตรวจรับอาจมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผู้สร้างหรือโครงการ แต่โดยทั่วไปจะครอบคลุมทุกส่วนของบ้าน

5. จุดที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

  • คอนโด: เน้นตรวจสอบความเรียบร้อยของพื้นผิว เช่น ผนัง พื้น เพดาน การรั่วซึมของน้ำ การทำงานของสุขภัณฑ์ และระบบไฟฟ้า
  • บ้าน: นอกจากจะตรวจสอบความเรียบร้อยของพื้นผิวแล้ว ยังต้องตรวจสอบโครงสร้างของบ้าน เช่น เสา คาน พื้นฐาน หลังคา ระบบระบายน้ำ และระบบป้องกันอัคคีภัย

6. การบริหารจัดการหลังการรับมอบ

  • การตรวจคอนโด: หากพบปัญหาภายหลังจากการรับมอบห้อง ควรแจ้งผู้จัดการอาคารหรือนิติบุคคลเพื่อดำเนินการแก้ไข ปัญหาที่พบอาจได้รับการดูแลและซ่อมแซมโดยผู้ดูแลอาคาร
  • การตรวจบ้าน: หลังการรับมอบบ้าน เจ้าของบ้านต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลและซ่อมแซมบ้านทั้งหมด ดังนั้นการตรวจรับบ้านต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อลดความเสี่ยงในการพบปัญหาในภายหลัง

คำแนะนำเพิ่มเติมในการตรวจรับห้องคอนโดและบ้าน

  • เตรียมตัวก่อนการตรวจรับ: ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจรับบ้านหรือคอนโด, เตรียมเอกสารสำคัญ, และเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น เทปวัด, ไฟฉาย, กล้องถ่ายรูป
  • ร่วมตรวจรับด้วยตนเอง: แม้ว่าจะจ้างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจรับแล้ว ก็ควรเข้าร่วมตรวจรับด้วยตนเอง เพื่อทำความเข้าใจสภาพของบ้านหรือคอนโด 
  • บันทึกข้อมูล: จดบันทึกหรือถ่ายรูปจุดที่พบปัญหา เพื่อเป็นหลักฐานในการเรียกร้องสิทธิ์
  • บ้านหรือคอนโดมือสอง: ควรจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบสภาพของบ้านหรือคอนโดที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว
  • โครงการใหม่: ควรจ้างบริษัทรับตรวจระบบต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของงานก่อสร้างก่อนรับโอน
  • บ้านที่สร้างเอง: ควรมีผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบความถูกต้องตามแบบแปลนและมาตรฐานการก่อสร้าง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และลดค่าใช้จ่ายที่ตามมาภายหลังจากการซ่อมบ้าน

การตรวจรับห้องคอนโดและการตรวจรับบ้านมีความแตกต่างกันทั้งในด้านพื้นที่และโครงสร้างที่ต้องตรวจสอบ รวมถึงความรับผิดชอบในการดูแลหลังการรับมอบ การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตรวจรับที่อยู่อาศัยใหม่ได้อย่างมั่นใจ และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีหากมีการพบข้อบกพร่อง

 หากคุณกำลังพิจารณาที่จะ ตรวจบ้าน ตรวจคอนโด หรือต้องการที่ปรึกษางานก่อสร้าง ติดต่อ All we check เราดำเนินการโดยทีมตรวจบ้านที่เป็นวิศวกรมืออาชีพ โดยทีมวิศวกรที่มีใบประกอบวิชาชีพจากสภาวิศวกร และมีประสบการทำงานโดยตรงจากสายงานอสังหาริมทรัพย์พร้อมใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้คุณสามารถทราบถึงปัญหาของตัวคอนโดและบ้านได้อย่างแท้จริง ช่วยป้องกันปัญหาการใช้งบที่ปลายบานเพราะมีการประเมินค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มดำเนินการจริง เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านนั้นได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์และบริการได้ที่ allwecheck.com